nn วานนี้ใน“หมุนตามทุน” ลงคำชี้แจงของ คุณพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เรื่องโครงการติดตั้งระบบตรวจสอบติดตามและแกะรอย (Track & Trace) แสตมป์ยาสูบ...มูลค่า 3.3 พันล้านบาทไปแล้ว...แต่ว่ายังเหลืออีก 1 ประเด็นที่ตกหล่น จึงขอนำเสนอให้จบกระบวนความใน...แวดวงการเงิน...ในประเด็นที่ว่าโครงการนี้คุ้มค่าต่อการลงทุนหรือไม่...ซึ่งอธิบดีกรมสรรพสามิต...ได้ชี้แจงว่า “โครงการระบบตรวจสอบติดตามและแกะรอย (Track & Trace) แสตมป์ยาสูบ 3.3 พันล้านบาท กรมสรรพสามิตได้นำสถิติข้อมูลการใช้แสตมป์ย้อนหลัง 2 ปี มาประกอบการพิจารณา ซึ่งจากการศึกษาพบว่าจำนวนการใช้แสตมป์เฉลี่ยต่อปี ประมาณ 1.6 พันล้านดวง ราคากลางของแสตมป์ระบบ Track &Trace (ซึ่งอ้างอิงจากผลการศึกษาโครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาและพัฒนารูปแบบของแสตมป์สรรพสามิต) อยู่ที่ประมาณ 0.30 บาทต่อดวง (แบ่งเป็น 2 ส่วน) 1.ค่าพิมพ์แสตมป์ 0.11 บาทต่อดวง 2. ค่าบริการระบบตรวจสอบติดตามและแกะรอย 0.19 บาทต่อดวง ดังนั้นต้นทุนค่าจัดทำระบบ Track & Trace จึงอยู่ที่ประมาณปีละ 480 บาท หรือ 7 ปี ประมาณ 3.3 พันล้านบาท (1.6 พันล้านดวง x 0.30 บาท x 7 ปี)...การปรับเปลี่ยนแสตมป์สรรพสามิตที่มีเทคโนโลยีมากขึ้น และ การนำระบบ Track & Trace มาใช้นั้น เป็นสิ่งที่กรมสรรพสามิตหวังไว้ว่า จะส่งผลให้การจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นจากการบริหารความเสี่ยงที่เกิดจากการปลอมแปลงแสตมป์และการนำแสตมป์กลับมาใช้ใหม่ อีกนัยหนึ่งคือ การปิดความเสี่ยงของการใช้แสตมป์ที่ไม่มีระบบ Track & Trace แม้ว่าจะทำให้ต้นทุนของแสตมป์มีราคาสูงขึ้นประมาณ 0.19 บาทต่อดวง แต่กรมสรรพสามิตจะได้รับระบบที่มีความพร้อมด้านการจัดเก็บข้อมูลและการตรวจสอบการปลอมแปลงแสตมป์มากยิ่งขึ้นอีกทั้งมีความสอดคล้องกับกรอบอนุสัญญา ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการกำกับและควบคุมการค้าที่ผิดกฎหมายในผลิตยาสูบ” ....!! นั่นเป็นคำชี้แจงของกรมสรรพสามิตผู้อ่านลองพิจารณาดูนะครับ...สำหรับ..แวดวงการเงิน...ยังสงสัยอยู่นิดๆว่า... บุหรี่หนีภาษีส่วนใหญ่ที่จับกุมหรือวางขายในประเทศไทยส่วนใหญ่ไม่ปิดแสตมป์สรรพสามิต ดังนั้น แม้จะลงทุน 3.3 พันล้านบาท บุหรี่หนีภาษีก็ยังคงไม่ปิดแสตมป์อยู่ดี แล้วจะช่วยแก้ปัญหาบุหรี่หนีภาษีได้อย่างไร???....กรมสรรพสามิตน่าจะเปิดเผยสัดส่วนว่าบุหรี่หนีภาษีที่จับกุมได้ที่มีการใช้แสตมป์ปลอมนั้นมีปริมาณเท่าไหร่คิดเป็นสัดส่วนเท่าไหร่กับที่จับกุมได้ทั้งหมด...และกรมสรรพสามิตทราบดีว่าจะมีการขึ้นภาษีบุหรี่ในปีหน้าอีกเท่าตัว แต่กลับประมาณการปริมาณบุหรี่คงที่เท่ากับในอดีต คือ 1,600 ล้านซองต่อปี ต่อไปอีก 7 ปี ....ในอดีตที่ผ่านมา รัฐบาลขึ้นภาษีบุหรี่ต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณบุหรี่ถูกกฎหมายที่ต้องใช้แสตมป์มีแนวโน้มลดลงมาโดยตลอด การคาดการณ์ของกรมสรรพสามิตจึงสูงเกินความน่าจะเป็นที่พึงรู้อยู่แล้ว ถ้าปริมาณบุหรี่ลดลงในอนาคตช่วง 7 ปีดังกล่าวกรมสรรพสามิตก็ยังต้องจ่ายเงิน 3.3 พันล้านบาทอยู่ดี ตัวอย่างเช่น ถ้าปริมาณบุหรี่เสียภาษีลดลงเหลือ 1,500 ล้านซองต่อปี จะเท่ากับกรมสรรพสามิตเสียเงินฟรี 30 ล้านบาทในปีนั้นปีเดียว....nn
อนันตเดช พงษ์พันธุ์
July 23, 2020 at 06:00AM
https://ift.tt/2Blvcq7
คอลัมน์โลกธุรกิจ - แวดวงการเงิน : 23 กรกฎาคม 2563 - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://ift.tt/3h2hF6O
Bagikan Berita Ini
0 Response to "คอลัมน์โลกธุรกิจ - แวดวงการเงิน : 23 กรกฎาคม 2563 - หนังสือพิมพ์แนวหน้า"
Posting Komentar