ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวของตลาดปริวรรตเงินตราระหว่างวันที่ 24-28 สิงหาคม 2563 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันจันทร์ (24/8) ที่ระดับ 31.54/ บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดในวันศุกร์ (21/8) ที่ระดับ 31.52/54 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ได้เคลื่อนไหวในกรอบแคบในช่วงต้นสัปดาห์หลังจากคืนวันจันทร์ (24/8) ที่ผ่านมา
ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการพัฒนาการรักษาไวรัสโควิด-19 ว่าขณะนี้สำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ได้อนุมัติให้ใช้พลาสมาที่มีโปรตีนภูมิคุ้มกัน (convalescent plasma) ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 แล้ว ซึ่งพลาสมาเหล่านี้ได้รับการบริจาคจากประชาชนผู้ที่เคยป่วยด้วยโรคโควิด-19 และได้รับการรักษาจนหายดี
โดยนายทรัมป์เปิดเผยว่า การรักษาโดยใช้พลาสมาจะสามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ได้ถึง 35% ส่วนความคืบหน้าของการเจรจาทางการค้าของสหรัฐและจีนที่ได้มีการจัดการเจรจาทางโทรศัพท์เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา (24/8) เพื่อประเมินความคืบหน้าในการปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเฟส 1 โดยผู้เข้าเจรจาดังกล่าวประกอบด้วย นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนและตัวแทนในการเจรจาการค้าและเศรษฐกิจกับสหรัฐ (USTR) นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ
ซึ่งนักข่าวซินหัวได้รายงานว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันในหลายประเด็น อาทิ การเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีด้านนโยบายเศรษฐกิจมหภาค และการบังคับใช้ข้อตกลงการค้าและเศรษฐกิจเฟสแรกระหว่างจีนและสหรัฐ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะสร้างภาวะและบรรยากาศที่สร้างสรรค์ เพื่อผลักดันให้การดำเนินการตามข้อตกลงการค้าเฟสแรกเดินหน้าต่อไปและประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้ USTA ยังระบุด้วยว่า ในระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ครั้งนี้ นายหลิว, นายไลท์ไฮเซอร์ และนายมนูชิน ต่างก็มีความเห็นตรงกันว่า ข้อตกลงการค้าเฟสแรกมีความคืบหน้าไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายยังให้คำมั่นว่าจะดำเนินการในขั้นตอนที่จำเป็น เพื่อรับประกันความสำเร็จของข้อตกลงทางการค้าดังกล่าว
สำหรับการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮลในวันที่ 27-28 สิงหาคมนี้ ในคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (27/8) นายพาวเวลได้มีการประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งสำคัญ โดยเฟดจะเปลี่ยนแปลงแนวทางในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ โดยจะใช้เครื่องมือใหม่ที่เรียกว่า “เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย” ซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อมีความยืดหยุ่น และสามารถดีดตัวขึ้นเหนือ 2% จากเป้าหมายเดิมที่เคยกำหนดไว้ อีกทั้งจะเป็นการเปิดโอกาสให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิม เพื่อสนับสนุนตลาดแรงงานและเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้การปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินดังกล่าว ส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มน้อยลงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่ออัตราว่างงานลดลง ตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อไม่ได้ดีดตัวขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ เฟดมีความเชื่อว่าอัตราว่างงานต่ำจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นจนถึงขีดอันตราย จึงทำให้เฟดดำเนินการล่วงหน้าด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่อาจก่อตัวขึ้น
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐที่ได้เปิดเผยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบด้วยตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนกรกฎาคมได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.9% สู่ระดับ 901,000 ยูโร ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2549 และสูงกว่าที่นักวิเราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 785,000 ยูนิต ซึ่งเมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 36.3% ในเดือนกรกฎาคม
อีกทั้งยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ ได้ปรับตัวพุ่งขึ้น 11.2% ในเดือนกรกฎาคม สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 4.3% หลังจากดีดตัวขึ้น 7.6% ในเดือนมิถุนายน และสำหรับยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนกรกฎาคม สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากพุ่งขึ้น 4.3% ในเดือนมิถุนายน
แต่อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจของ Conference Board ได้เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ได้ร่วงลงสู่ระดับ 84.8 ในเดือนสิงหาคม จากระดับ 91.7 ในเดือนกรกฎาคม และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 93.0 โดยดัชนีความเชื่อมั่นร่วงลงเป็นเดือนที่ 2 จากการที่ผู้บริโภคมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อีกทั้งผลตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐ ประจำไตรมาส 2 ปี 2563 ก็ได้ปรับตัวลดลง 31.7% ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2490 หรือกว่า 70 ปีก่อนหน้านี้ หลังจากหดตัว 5% ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดีตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับ GDP ประจำไตรมาส 2 ปี 2563 ดังกล่าว นั้นดีกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระบุว่าเศรษฐิจหดตัวลง 32.9% และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะหดตัวลง 34.7% ทั้งนี้ระหว่างสัปดาห์ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.16-31.64 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดในวันศุกร์ (28/8) ที่ระดับ 31.16/18 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดวันจันทร์ (24/8) ที่ระดับ 1.1802/04 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (21/8) ที่ระดับ 1.1814/15 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ค่าเงินยูโรได้ปรับตัวอ่อนค่าในช่วงต้นสัปดาห์จากความไม่แน่นอนของการเจรจา Brexit หลังจาก นายมิเชล บาร์นิเยร์ หัวหน้าผู้แทนการเจรจาฝ่ายสหภาพยุโรป ได้กล่าวว่า การเจรจาระหว่างสหภาพยุโรป (EU) กับอังกฤษเกี่ยวกับข้อตกลงต่าง ๆ หลังจากที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) นั้นยังคงไม่มีความคืบหน้า แม้การเจรจาจะดำเนินไปถึง 7 รอบแล้วก็ตาม
โดยนายบาร์นิเยร์ได้กล่าวตำหนิอังกฤษที่ไม่ได้แสดงความเต็มใจที่จะผลักดันความคืบหน้าของประเด็นที่มีความสำคัญด้านพื้นฐานต่อ EU โดยทั้งสองฝ่ายยังคงมีความเห็นต่างเกี่ยวกับการค้า การประมง การบังคับใช้กฎหมาย แม้มีความคืบหน้าในความร่วมมือด้านพลังงานและการป้องกันการฟอกเงิน แต่อย่างไรก็ตามค่าเงินยูโรได้ปรับตัวแข็งขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์ หลังจากมีการเปิดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของเยอรมนี ที่ได้ปรับตัวลดลง 9.7% ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 10.1%
อีกทั้งดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจของเยอรมนีจากสถาบัน Ifo ประจำเดือนสิงหาคมได้ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 92.6 มากกว่าที่คาดการณ์ที่ระดับ 92.2 ซึ่งดัชนีดังกล่าวได้ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 92.2 ทั้งนี้ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวในกรอบ 1.1762-1.1908 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดในวันศุกร์ (28/8) ที่ระดับ 1.1906/08 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันจันทร์ (24/8) ที่ระดับ 105.70/72 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (21/8) ที่ระดับ 105.47/459 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินเยนได้ปรับตัวออนค่าลงเล็กน้อย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้มีการเปิดเผยความคืบหน้าการพัฒนาการรักษาไวรัสโควิด-19 ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งจากปัจจัยความคืบหน้าของการเจรจาทางการค้าระห่างสหรัฐ และจีนที่มีแนวโน้มที่ดี
นอกจากนี้ในช่วงท้ายสัปดาห์ สำนักข่าวเกียวโดได้มีรายงานว่า นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้เตรียมประกาศลาออกจากตำแหน่งในการประชุมพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) เนื่องจากเหตุผลด้านสุขภาพ หลังจากที่ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลายครั้งในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นสุขภาพของนายอาเบะถือเป็นเรื่องที่ชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจมาโดยตลอด หลังจากที่เขาได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งอย่างกะทันหันในปี 2550 ขณะที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เพียง 1 ปี โดยนายอาเบะอ้างถึงอาการป่วยจากโรคลำไส้
ระหว่างสัปดาห์ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 105.69-106.11 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดในวันศุกร์ (28/8) ที่ระดับ 105.86/88 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
August 28, 2020 at 06:20PM
https://ift.tt/31E7HDg
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า หลังเฟดประกาศเปลี่ยน "นโยบายการเงิน" แบบใหม่ - ประชาชาติธุรกิจ
https://ift.tt/3h2hF6O
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า หลังเฟดประกาศเปลี่ยน "นโยบายการเงิน" แบบใหม่ - ประชาชาติธุรกิจ"
Posting Komentar