“โควิด” บีบธุรกิจแห่เพิ่มทุน โบรกฯ “บล.กสิกรไทย” ชี้ 2 ปมหลักต้องเพิ่มทุน ระบุบางบริษัทเจอพิษไวรัสต้องขยายฐานทุน “ตุนสภาพคล่อง-ลดหนี้” ส่วนอีกหลายบริษัทยังเติบโตได้ดีก็เพิ่มทุนเพื่อ “ขยายกิจการ” ชี้ระยะต่อไปธุรกิจ “สายการบิน-โรงแรม” เสี่ยงต้องเพิ่มทุน ฟาก “บล.ไทยพาณิชย์” ระบุธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานค่อนข้างดีมีแนวโน้มเพิ่มทุนสำเร็จสูงกว่า
นายภาสกร ลินมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2563 เกิดปรากฏการณ์เพิ่มทุนของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) หลายแห่ง ซึ่งการเพิ่มทุนเกิดจาก 2 กรณี ได้แก่ 1.กรณีบริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 อาทิ กรณีของ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ที่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน เพื่อให้ฐานทุนของบริษัทแข็งแกร่ง ซึ่งการเพิ่มทุนจะช่วยให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทปรับลดลง และพร้อมที่จะก่อหนี้เพิ่มเติม เป็นต้น
และ 2.กรณีเพิ่มทุนเพื่อดำเนินการตามแผนธุรกิจ อาทิ บมจ.เจ มาร์ท (JMART) ที่บริษัทย่อยในเครือคือ บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) มีแผนซื้อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เข้ามาบริหารเพิ่มเติม โดยช่วงปลายปีที่เหลือนี้ตั้งเป้าซื้อหนี้เสียอีก 4,000 ล้านบาท ปี 2564 ตั้งเป้า 10,000 ล้านบาท และปี 2565 อีก 10,000 ล้านบาท รวมถึง JMART ยังมีแผนดำเนินการซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) ธุรกิจบริษัทบริหารหนี้ (AMC) รวมถึงธุรกิจการเงินอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกด้วย
ขณะที่ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เพิ่มทุนเพื่อขยายธุรกิจในต่างประเทศ คือ ในยุโรปและเวียดนาม รวมถึงใช้โอกาสนี้ในการปรับโครงสร้างทางการเงิน หลังราคาหุ้นปรับขึ้นเกินกว่าปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ด้าน บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) เพิ่งได้รับอนุมัติแผนเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อนำไปลงทุนในโครงการ Yangon AMATA Smart & Eco City (YASEC) ในประเทศเมียนมา
“อยากให้ทำความเข้าใจใหม่กับปรากฏการณ์เพิ่มทุนที่เกิดขึ้น คือไม่ใช่ว่าทุกบริษัทจะเพิ่มทุน เพราะว่าบริษัทมีปัญหาจากสถานการณ์โควิด-19 เพียงอย่างเดียว แต่ในบางธุรกิจ หรือบางอุตสาหกรรมเขายังเติบโตไปตามแผนได้อยู่ ก็เลยเพิ่มทุน เพื่อขยายกิจการ” นายภาสกรกล่าว
อย่างไรก็ดี ข้อควรระวังสำหรับผู้ถือหุ้น คือ เมื่อบริษัทประกาศเพิ่มทุน โดยเฉพาะในกรณีที่เพิ่มทุนเนื่องจากฐานะการเงินของบริษัทได้รับผลกระทบ จะส่งผลให้ราคาหุ้นปรับฐานลงค่อนข้างมาก เช่น MINT ที่หลังประกาศเพิ่มทุน พบว่าราคาหุ้นปรับลดลงประมาณ 7.18% ไปทำจุดต่ำสุดที่ 16.548 บาท ก่อนจะฟื้นตัวในเวลาต่อมา ซึ่งเป็นผลจากที่ผู้ลงทุนส่วนใหญ่ไม่ต้องการใส่เงินเพิ่ม ส่งผลให้มีการเทขายหุ้นออกมา
“กล่าวคือถ้าเพิ่มทุนเพื่อเอาไปลงทุน ยังพออธิบายได้ ผู้ถือหุ้นบางส่วนก็อาจจะใส่เงินเพิ่ม และส่วนที่ไม่ใส่เงินเพิ่มก็อาจจะถือไว้ แต่ถ้าเป็นการเพิ่มทุนเพื่อรักษาฐานะการเงินของบริษัท ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ก็ไม่อยากใส่เงินเข้าไป แล้วถ้าไม่ใส่เงินเข้าไปมูลค่าหุ้นก็จะลดลงโดยปริยาย (dilute) ก็อาจจะขายหุ้นทิ้ง” นายภาสกรกล่าว
สำหรับแนวโน้มการเพิ่มทุนในระยะถัดไป นายภาสกรกล่าวว่า กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยตรง เช่น สายการบิน หรือโรงแรม มีความเสี่ยงที่จะถูกเพิ่มทุนมากที่สุด ขณะที่ธุรกิจอื่น ๆ ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร ผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (น็อนแบงก์) และบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการบริหารจัดการโครงสร้างการเงินและมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ไม่สูงนัก ดังนั้น เชื่อว่ากลุ่มธุรกิจเหล่านี้ แม้จะได้รับผลกระทบ แต่ยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน
“อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีนี้ ทำให้คาดการณ์ว่า ในปีหน้ามีแนวโน้มที่ธุรกิจทั่วโลกจะควบรวมกิจการกันมากขึ้น โดยเป็นในลักษณะที่บริษัทขนาดใหญ่เข้าซื้อกิจการขนาดเล็กที่มีปัญหาทางการเงิน ซึ่งคาดว่าบริษัทที่เป็นผู้ซื้อจะออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทผู้ขายในลักษณะการเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (private placement)” นายภาสกรกล่าว
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ช่วงปีนี้ธุรกิจจำเป็นต้องเพิ่มทุน เพื่อเตรียมความพร้อมสภาพคล่องของบริษัทเอาไว้ โดยนอกเหนือจากการเพิ่มทุนเพื่อนำเงินไปลงทุนต่อแล้ว ยังเป็นการเพิ่มทุนเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการอีกด้วย เนื่องจากอนาคตในช่วงที่โควิด-19 ยังระบาดมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งบริษัทที่มีผลการดำเนินงานค่อนข้างดี จะมีแนวโน้มเพิ่มทุนสำเร็จสูง
“บล.ไทยพาณิชย์มองว่าในบริษัทที่ธุรกิจยังสามารถดำเนินต่อได้ในระยะข้างหน้า การเพิ่มทุนถือเป็นการลดภาระหนี้แก่บริษัท เนื่องจากไม่เสียดอกเบี้ยเหมือนกับการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน รวมถึงเป็นการช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านสภาพคล่องให้แก่บริษัทอีกด้วย” นายสุกิจกล่าว
September 22, 2020 at 07:01AM
https://ift.tt/33S7tbi
โควิดบีบธุรกิจต่อแถวเพิ่มทุน จับตา "สายการบิน-โรงแรม" เสี่ยงหนักสุด - ประชาชาติธุรกิจ
https://ift.tt/3dXvwcw
Bagikan Berita Ini
0 Response to "โควิดบีบธุรกิจต่อแถวเพิ่มทุน จับตา "สายการบิน-โรงแรม" เสี่ยงหนักสุด - ประชาชาติธุรกิจ"
Posting Komentar